[One Shot] Be with you - Shinosuke x Kazama - [One Shot] Be with you - Shinosuke x Kazama นิยาย [One Shot] Be with you - Shinosuke x Kazama : Dek-D.com - Writer

    [One Shot] Be with you - Shinosuke x Kazama

    เมื่อเพื่อนสมัยเด็กอย่างชินโนะสึเกะมาเป็นรูมเมทของคาซาม่าคุงในมหาวิทยาลัย... คาซาม่าคุงจะหัวปั่นแค่ไหน หรือ จะทนกับเสียงหัวใจที่เต้นรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุนี้ได้หรือไม่?

    ผู้เข้าชมรวม

    12,092

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    86

    ผู้เข้าชมรวม


    12.09K

    ความคิดเห็น


    47

    คนติดตาม


    125
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ธ.ค. 56 / 00:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    คำเตือน: นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย ใครไม่ชอบก็กดออกไปเสียประเดี๋ยวนี้





    งวดนี้มาเป็นฟิคคู่แรร์...แรร์อภิมหาแรร์ค่ะ ช่วงนี้ติดชินจังงอมแงม แล้วก็ไม่พ้นเป็นต้องจิ้นคู่ ชินโนะซึเกะ กับ คาซามะ (ชินจังคาซาม่าคุง) แบบว่าคาซาม่าคุงซึนมาก!!(คิดในใจ น่ารักกกกกก -/////-) ส่วนชินจังก็กวนได้ใจ มีบางทีพูดคำพูดชวนจิ้นออกมาด้วย คนทั่วไปมองก็เฉยๆ แต่เรามองแล้ว...ฟิน =w=


    อืม...โรคุว่าโรคุยังไม่เคยเจอใครแต่งฟิคเรื่องนี้นะ (ค้นกูเกิลแล้วไม่เจอ) งั้นเราก็ประเดิมก่อนเลย แต่...มันจะมีใครอ่านมั้ยเนี่ย?? -3-


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คอนเซ็ปต์ของคาซาม่าคุง...เคะ(?) ซึนโคตร ขี้อวด อวดรวย อวดฉลาด ไม่ยอมเสียฟอร์มง่ายๆ
      ส่วนชินจัง... แก่แดด กวนประสาท(มาก) ชอบขัดคอคาซาม่าคุงเป็นประจำ


      โรคุคิดว่าแต่งตามคาแรกเตอร์นี้แล้วล่ะค่ะ










      [One Shot]

      Title: Be with you

      Author: Rokugatsu

      Pairing: Shinosuke x Kazama

      Rate: PG - 15

      Note: วันนี้มาแปลก มาคู่อะไรเนี่ย?? แต่ช่วงนี้ดูชินจังค่ะ ก็เลยหวนนึกถึงแฟนอาร์ตตอนโต ดูยังไงๆคาซาม่าคุงก็เคะซึน =w= แล้วก็เลยพลอยนึกเป็นเรื่องขึ้นมาได้เลยค่ะ แฮ่...

       

      -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

      เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอนุบาล

       

       

      นายเป็นคนที่บ้าบอที่สุด ซื่อบื้อที่สุด และทะลึ่งที่สุดที่ฉันเคยเจอมา

       

       

      พอสมัยประถม แม่ฉันกับแม่นายก็ยังอุตส่าห์จับพวกเรามาอยู่ด้วยกันอีก นายก็เหมือนเดิม ชอบเจ้าชู้ กะล่อนไปเรื่อย จนฉันไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้ด้วยเท่าไหร่ กลัวโดนเหมารวมว่าเป็นพวกเดียวกัน

       

       

      สมัยมัธยม เราต่างคนต่างก็แยกโรงเรียนไป ฉันเลยไม่ได้เจอนายอีกนับจากนั้น

       

       

       

       

      ตอนแรกฉันคิดว่าหลุดพ้นแล้ว...

       

       

       

       

       

       

       

      แต่ไหงตอนอยู่มหาลัยเราถึงต้องมาอยู่ห้องเดียวกันด้วยล่ะ!!?

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                  "ชินจัง! นายจะนอนขี้เกียจไปถึงไหนน่ะ!? นี่เวรนายไปทิ้งขยะนะ!! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!" เด็กหนุ่มวัย 18 ปีนามว่า คาซามะ โทโอรุ นักศึกษาดีเด่นแห่งคณะแพทยศาสตร์ แต่กลับต้องมาจมปลักอยู่กับเพื่อนร่วมห้องที่เรียนๆเล่นๆจนหวิดจะตกอย่าง โนะฮาร่า ชินโนะซึเกะ หรือ ชินจังที่กำลังนอนกลางวันหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ คาซามะที่เพิ่งกลับจากการกินอาหารที่โรงอาหารกับเพื่อนๆเห็นกองถุงขยะที่เจ้าตัวไม่ยอมทิ้งซะทีก็หงุดหงิด รีบวางกระเป๋าแล้วเดินเข้ามาหาไอ้คนที่นอนขี้เกียจอยู่ที่โซฟาแล้วเอาเท้าเขี่ย(?)ให้ตื่น

       

                  "โนะฮาร่า ชินโนะซึเกะ ฉันขอสั่งให้นายลุกเดี๋ยวนี้!!"

       

                  "โหย...จะโวยวายทำไมเล่า คนจะนอน" นอกจากจะไม่ลุกแล้วยังหันหลังหนีให้อีกต่างหาก เด็กหนุ่มผมน้ำเงินเส้นความอดทนขาดผึง ก่อนจะตัดสินใจยกสันมือขึ้นสับลงกลางลำตัวชินโนะซึเกะทันที

       

       

      ผัวะ!

       

       

                  "โอ๊ย!" คนโดนสับร้องลั่นห้อง ก่อนจะหันมาวีนใส่คนที่ทำร้ายร่างกายตนทันที

       

                  "คาซาม่าคุง มันเจ็บนะ!!"

       

                  "ก็เจ็บน่ะสิ ไม่เจ็บแล้วนายจะลุกมั้ย แล้วใครใช้ให้นายมานอนนี่ มีเรียนคาบบ่ายไม่ใช่เรอะไง แล้วขยะพวกนี้เอาไปทิ้งด้วย แล้ว..." ชินโนะซึเกะยกมือขึ้นห้าม

       

                  "พอๆๆ เลิกบ่น บ่นเป็นยัยแก่ บ่นทุกวันนี่นายไม่เคยเบื่อเลยรึไง?" คาซามะปรี๊ด ตะโกนลั่น

       

                  "แล้วนายคิดว่าฉันไม่เบื่อรึไงกับการที่วันๆเอาแต่ต้องคอยสั่งนายให้ทำโน่นทำนี่ นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เสื้อผ้านายจะมากองเรี่ยราดแบบนี้ไม่ได้ นายต้องเป็นคนเก็บเอง ทุกวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงใจแม่นายแล้วล่ะก็ ฉันคงไม่อยู่ให้ประสาทเสียอยู่ทุกวันหรอก!!" ชินจังหันขวับมองด้วยสายตาเรียบนิ่งทำเอาคาซามะชะงักไป ร่างบางหน้าเสีย คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร เด็กหนุ่มผมดำมองนิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเรียบเฉย

       

                  "ก็ลองสิ... แต่ถ้าฉันไปอยู่กับคนอื่น ฉันก็จะบอกเรื่องที่นายสะสมการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ โมเอะ-P..." คาซามะรีบวิ่งไปปิดปากชินจังทันที

       

                  "ก็ได้ๆ ฉันให้นายอยู่นี่ด้วยก็ได้ แต่ขอร้องล่ะ อย่าบอกใครเขานะ อายเขาแย่" พูดจบ เด็กหนุ่มร่างบางก็ค่อยๆลดมือลงพลางส่งยิ้มเจื่อนๆให้ แต่แล้วเด็กหนุ่มร่างสูงกว่าก็พูดต่อ

       

                  "แล้วต่อจากนี้ก็ห้ามนายไปกินข้าวกับเพื่อนๆ แต่ให้ทำกับข้าวให้ฉันกินด้วย"

       

                  "หา!? นายจะบ้าเรอะไง ฉันไม่ใช่แม่ครัวหรือเมียนายนะ ทำไมฉันจะต้องทำให้นายด้วย!" ร่างบางกอดอกเชิด ชินจังพูดต่ออย่างไม่รู้ไม่ชี้

       

                  "ก็เพราะอาหารในโรงอาหารรสชาติมันห่วยแตกสิ้นดี แต่ถ้านายไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ก็แค่เรื่องที่นายชอบคอสเพลเป็นสาวน้อยตอนสมัยประถม..."

       

                  "ตกลง ตกลง! ฉันจะทำกับข้าวให้นายกินทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็นเลย!!" คาซามะรีบวิ่งเข้ามาดึงเสื้อชินจังแน่น ชินจังเหลือบมองก่อนจะยักคิ้วข้างหนึ่ง

       

                  "สัญญาแล้วนะ?"

       

                  "ฉันสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยเอ้า!" ร่างสูงค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาเป็นอันว่าตกลง คาซามะปล่อยชายเสื้ออีกฝ่ายลงพลางแอบกัดฟันกรอดๆอย่างทำอะไรไม่ได้...

       

                  "งั้น...ฉันขอตัวไปทิ้งขยะก่อนล่ะ อาหารเย็นขอเป็นแกงกระหรี่ไก่แบบเผ็ดๆก็แล้วกัน" ชินจังเปิดประตูเอาถุงขยะเดินลัลล้าออกไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มผมน้ำเงินที่ได้แต่ค้อนขวับให้อย่างเซ็งจิต

       

       

       

       

      ชินจังและคาซามะกลับมาเจอกันอีกครั้งในมหาลัยโตเกียว ในขณะที่ชินจังกำลังหารูมเมทนั้น คาซามะเองก็กำลังหารูมเมทเช่นกัน ด้วยความที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน จึงทำให้มิซาเอะ(แม่ของชินจัง)รีบฝากลูกชายเอาไว้ให้ช่วยดูแลด้วย หนึ่งเพราะคาซามะเป็นเพื่อนกับชินจังกันมาก่อน สองเพราะคาซามะเรียนเก่ง คาซามะพยายามหาเหตุผลต่างๆนานามาบ่ายเบี่ยงแต่สุดท้ายก็จนปัญญา จำต้องรับเพื่อนตัวแสบคนนี้มาอยู่ด้วย

       

      ชินจัง 10 กว่าปีผ่านไปเปลี่ยนไปเยอะมาก คิ้วที่หนาดกทำให้ใบหน้าดูคมเข้มบวกกับความสูง ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มหล่อ  แต่ยังนิสัยกะล่อนไม่เปลี่ยน สาวๆก็ดันชอบมันด้วยซะนี่ ส่วนทางด้านคาซามะก็ยังคงเรียนเก่งเหมือนเดิมและยังชอบอ่านการ์ตูนสาวน้อยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บใจนั่นก็คือ เขาเตี้ยกว่าชินจังตั้ง 8 เซน แถมใบหน้าเขากลับค่อนไปทางหวานมากกว่าหล่อ ทำให้เขาหมั่นไส้ชินจังตะหงิดๆ แต่คาซามะก็หารู้ไม่ว่า ท่ามกลางความเกลียดและหมั่นไส้นั้น มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากตั้งแต่อนุบาล และลึกลงไปในมิตรภาพนั้นก็มีบางอย่างที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว...

       

       

       

      และเขาก็เริ่มมารู้ตัว เมื่อเขาได้ลงมือทำกับข้าวเย็นในวันนี้

       

       

                  "หอมชะมัด..." ชินจังกลับมาถึงห้องพักก็ได้กลิ่นแกงกระหรี่ที่คาซามะทำ คาซามะใส่ผ้ากันเปื้อน กำลังกวนน้ำแกงและส่วนผสมอื่นๆให้เข้ากันแต่ร่างบางมีสมาธิมากไปหน่อยจึงไม่ทันสังเกตว่าบัดนี้ชินจังได้ชะโงกหน้ามาดูในหม้ออยู่ ข้างๆตนนี่เอง

       

                  "น่ากินจังเลยนะ"

       

                  "เหวอ!!!" คาซามะร้องเสียงหลงเมื่อเจอชินจังในระยะประชิด พอรู้ว่าเป็นชินจังก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

       

                  "นี่! คราวหลังก็อย่ายื่นหน้ามาใกล้ๆได้มั้ย ตกใจหมด" คนโดนว่ายืนหัวเราะซะงั้น

       

                  "คาซาม่าคุงนี่ล่ะก็ ขวัญอ่อนไปได้ ยังกะพวกสาวน้อยในการ์ตูนที่นายอ่านเลย" คาซามะชักสีหน้าทันที

       

                  "อะไร? ใครเป็นสาวน้อยกัน ฉันเป็นผู้ชายหรอกเฟ้ย แล้วฉันคาซามะ โทโอรุคนนี้ก็เป็นหนุ่มหล่อ รวย เรียนเก่งที่สุดต่างหาก พวกบ้าอย่างนายไม่มีวันเทียบฉันได้หรอก" ท้ายประโยคเหล่มองชินจังอย่างเหน็บแนม ชินจังพูดหน้าตาย

       

                  "คร้าบๆ แล้วหนุ่มหล่อ รวย เรียนเก่งก็อยู่ในชุดกันเปื้อน กำลังเตรียมกับข้าวให้ฉันอยู่" คาซามะชะงัก เซ็ง เถียงไม่ออก เลยหันไปเคี่ยวแกงกระหรี่ต่อ ชินจังมองตามยิ้มๆ พลางเอาถ้วยชามไปเรียงไว้บนโต๊ะ

       

       

       

       

       

       

      เมื่อทำเสร็จ ทั้งสองก็ตักแกงกระหรี่ราดใส่ข้าวแล้วนั่งกินด้วยกัน คาซามะกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองอยู่

       

                  "มองอะไร?" ชินจังมองหน้ายิ้มๆ หัวเราะเบาๆ

       

                  "นายจะใส่ชุดกันเปื้อนไปถึงเมื่อไหร่น่ะ?" ร่างบางชะงัก พอรู้ตัวว่าเป็นดังนั้นก็หน้าแดงแจ๋ รีบถอดผ้ากันเปื้อนขว้างทิ้งทันที

       

                  "หัวเราะอะไร? กินๆไปเถอะน่า!!" ชินจังหัวเราะลั่นไม่ยอมหยุด คาซามะได้แต่ชักสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะกินข้าวต่อ

       

                  "ได้อยู่กับนายทุกวันก็คงได้ชิมฝีมือของนายทุกวันแหง" คาซามะเงยหน้ามองเล็กน้อย

       

                  "ก็แหงล่ะสิ หรือนายจะให้ตุ๊กแกบนเพดานทำให้นายรึไง นายเป็นคนขอเองนะ" ชินจังหัวเราะเบาๆ

       

                  "ได้กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวันแบบนี้ เหมือนสามีภรรยาเลยแฮะ" คราวนี้ร่างบางอึ้งของจริง เงยหน้าขึ้น หยุดกินทันที

       

                  "จู่ๆพูดบ้าอะไรออกมาน่ะ สมองเพี้ยนไปแล้วเรอะไง!?"

       

                  "เอ้า ก็สามีเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ก็เจอภรรยาทำกับข้าวอยู่ในครัว แล้วทีนี้ก็กินข้าวด้วยกัน มันก็เหมือนสามีภรรยาออกไม่ใช่เหรอ" คาซามะหน้าแดงไม่รู้ตัว โวยวายใหญ่

       

                  "ใครเป็นภรรยานายไม่ทราบห๊ะ!? อีกอย่างฉันเป็นผู้ชายนะเฟ้ย!! แล้ว...แล้วนายก็อย่าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉยสิฟะ!!" ชินจังเท้าคางกับโต๊ะ มองตาไม่กระพริบ

       

                  "คาซาม่าคุง...หน้านายแดงใหญ่แล้วนะ" คาซามะชะงัก รู้ตัวรีบแก้เก้อ

       

                  "เอ่อ ก็ แกงกระหรี่มันเผ็ดไง ใส่พริกตั้งเยอะแยะ" พูดจบก็หลบตาอีกฝ่ายเสียดื้อๆ ร่างสูงมองยิ้ม...

       

       

       

       

      ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาชอบปั่นหัวคาซามะเล่นประจำ

       

       

      แต่ก็มีคราวนี้นี่แหละที่หยอกคาซามะแล้ว เจ้าตัวดูน่ารักมาก

       

       

      คิดไม่ผิดจริงๆที่สอบเข้ามหาลัยนี้ได้

       

       

       

       

      หลังจากข้าวเย็น ชินจังนอนอยู่บนเตียงข้างล่าง ส่วนคาซามะนอนเตียงบน ชินจังบ่น

       

       

                  "คาซาม่าคุง หรี่แอร์หน่อยได้มั้ย ฉันหนาวจะแย่อยู่แล้ว"

       

                  "ขืนหรี่ฉันก็ร้อนแย่น่ะสิ อุณหภูมินี้แหละโอสุดแล้ว ถ้านายหนาวก็ไปหาเสื้อมาใส่ไป" คาซามะนอนต่ออย่างไม่สนใจไยดี ชินจังยังไม่หยุดบ่น

       

                  "แต่แอร์มันอยู่ข้างล่างใกล้ๆฉันนี่เลยนะ ไม่งั้นนายจะมานอนข้างล่างแล้วฉันนอนข้างบนเอามั้ยล่ะ?"

       

                  "ไม่ล่ะ ฉันชอบเตียงบน ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ยอมนอนข้างล่างเด็ดขาด" คาซามะเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไรเขาก็รู้ ชินจังถอนหายใจ

       

                  "ถ้างั้น...มันก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะนะ" พูดจบ คาซามะก็ได้ยินเสียงกุกกักจึงหันไปดู เห็นชินจังปีนบันไดขึ้นมาก็ตกใจ

       

                  "เฮ้ย นายขึ้นมาทำไมน่ะ!?"

       

                  "ถามได้ ก็มานอนกับนายไง" ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงอ่อนๆ ร่างบางรีบปฏิเสธทันควัน

       

                  "ไม่ได้นะ ลงไปเดี๋ยวนี้!" ชินจังไม่ฟัง ถือวิสาสะเข้ามาในผ้าห่มหน้าตาเฉย

       

                  "ก็นายไม่ยอมหรี่แอร์ ฉันก็นอนไม่หลับสิ เพราะงั้นก็ขอนอนกับนายก็แล้วกัน อุ่นดี" แล้วผู้บุกรุกก็นอนหนุนหมอนอีกฝ่ายหน้าตาเฉย คาซามะเหงื่อตก รีบเขย่าอีกคนทันที

       

                  "นี่ ไม่ตลกเลยนะ ลุกเดี๋ยวนี้ นายนอนเบียดแบบนี้แล้วฉันจะนอนยังไง ลุก!" ร่างสูงคว้าหมับข้อมือบางไว้ พูดทั้งๆที่หลับตา

       

                  "ฉันสัญญาว่าจะไม่นอนเบียด ทีนี้นายจะยอมนอนลงดีๆได้รึยัง?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมลงไปแน่ๆ คาซามะจึงถอนหายใจ แล้วยอมนอนลงดีๆก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่าย รู้สึกเหมือนใจตัวเองเต้นระรัวผิดปกติ

       

       

       

      แปลก...รู้จักกันมาตั้งหลายปี อยู่ใกล้กันแค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นไหวขนาดนี้

       

       

       

      นี่เราเป็นอะไรไปนะ?

       

       

       

       

      คาซามะค่อยๆหันไปมองชินจัง ใบหน้าคมคายดูดีแม้ยามหลับ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากเอิบอิ่มน่าสัมผัส ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนๆนี้ช่างดูดีเหลือเกิน ชินโนะซึเกะในตอนนั้นกับตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน...

       

       

       

      ที่จริงแล้ว ถึงหมอนี่จะกวนโอ๊ยเป็นที่หนึ่ง ทะลึ่งเป็นที่สอง แก่แดดไม่เกินรองใคร แต่ลึกๆแล้วชินจังก็เป็นคนดีมีน้ำใจ ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น

       

       

       

      ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มบางๆ จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้เกลียดชีวิตที่อยู่ร่วมกับชินจังนักหรอก อันที่จริงแล้ว กับประโยคที่พูดส่อไปในทางแบบนั้น เขาควรจะโมโหมากๆ แต่เขาก็ไม่...

       

       

       

      เขากลับรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ

       

       

       

      แต่ร่างบางก็ไม่ยอมรับง่ายๆหรอกว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นความรู้สึกชอบในเชิงชู้สาว เอาแต่บอกกับตัวเองว่าก็แค่สนิทกันเท่านั้นแหละ แต่ถึงกระนั้นตัวเองก็ยังไม่กล้ามองอีกฝ่ายตรงๆ รีบหันหลังมองกำแพงแล้วพยายามข่มตาหลับไปอย่างนั้น

       

       

       

      หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งหลับ

       

       

       

      ใบหน้าคมคลี่ยิ้มกว้าง...

       

       

       

      เขาเองก็รู้ดีว่า สายตาที่เขามองคาซามะนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

       

       

       

       

      สำหรับสาวๆหุ่นดีมันก็แค่อาหารตาเท่านั้นแหละ การที่เขามองผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่มันไม่ได้แปลว่าเขาอยากมีแฟนแบบนั้นซะหน่อย

       

       

      สาวๆพวกนั้นก็สวยน่ามองอยู่หรอก แต่กับคาซามะที่เขาสนิทด้วย เขาสังเกตพฤติกรรมและลักษณะนิสัยหลายๆอย่างของคาซามะแล้วก็รู้สึกค่อยๆหลงรักความเป็นคนๆนี้ไปทีละนิด

       

       

      ประมาณว่าเพศไหนผมไม่เกี่ยงแล้ว

       

       

      และความน่ารักตรงนี้นี่แหละ คือสิ่งที่ผู้หญิงสวยๆเหล่านั้นให้แทนไม่ได้

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                  "คาซาม่าคุง นายยังจำเนเน่จังได้มั้ย?"

       

                  "จำได้สิ ซากุราดะ เนเน่ เพื่อนเล่นสมัยเด็กของพวกเรา ทำไมเหรอ?"

       

                  "ช่วงปิดเทอมนี้ฉันกะว่าจะนัดเพื่อนสมัยเด็กของพวกเรามากินข้าวด้วยกัน ทั้งมาซาโอะคุงกับโบจังด้วย ดีมั้ยล่ะ"

       

                  "อืม ก็ดีนะ ฉันก็อยากเจอทุกคนเหมือนกัน อยากรู้ว่าโตขึ้นแล้วแต่ละคนจะเป็นยังไง" ชินจังติดต่อทุกคนจากหนังสือรุ่นในสมัยประถม แล้วลองโทรไปหาแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็ยังคงใช้เบอร์เดิมอยู่ และในช่วงนี้ก็ตรงกับปิดเทอมพอดี ในฐานะเพื่อนเก่าจึงอยากพากันไปกินเลี้ยงกัน

       

                  "ใช่ อยากรู้จริงๆว่าเนเน่จังโตขึ้นแล้วจะสวยแค่ไหนน้า..." ชินจังแกล้งพูดเปรยๆแล้วลอบมองปฏิกิริยาของคาซามะ เป็นตามคาด... คาซามะชะงักไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที

       

                  "แหม นายนี่นะ ถ้าเป็นผู้หญิงเมื่อไหร่ ตาวาวเชียวนะ" ชินจังหัวเราะเบาๆ

       

                  "ฉันก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง ทำไมล่ะ นายหึงรึไง?" แกล้งหยอกตามเคย คาซามะคุงหันขวับ ปฏิเสธตัวโยน

       

                  "เลิกพูดอะไรชวนอ้วกแบบนั้นซะทีเหอะน่า! ฉันจะไปหึงนายได้ยังไงในเมื่อฉัน...ไม่ได้...ชอบนาย แล้วเราสองคนก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย" ท้ายประโยคเสียงแอบแผ่วลง ใบหน้าคมคลี่ยิ้ม ทำไม่รู้ไม่ชี้

       

                  "ฉันก็แค่ล้อเล่นแหละน่า... ส่วนสถานที่ฉันกะว่าจะไปคาราโอเกะกัน กินไปด้วยร้องเพลงไปด้วย คงจะดีไม่น้อย นายว่ามั้ย?"

       

                  "เออๆ เอาไงก็เอา ไปดีกว่า อยู่กับนายมากๆแล้วจะประสาทเสีย" ร่างบางหาเรื่องเดินออกจากห้องไป ดวงตาสีถ่านของร่างสูงมองตามแผ่นหลังไป อมยิ้มอยู่คนเดียว

       

       

       

       

       

      น่ารัก...

       

       

       

       

      คาซาม่าคุงนะคาซาม่าคุง... เมื่อไหร่หนอที่นายจะยอมรับความรู้สึกตัวเองเสียที?

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      วันนัดหมาย เนเน่จังโตเป็นสาวสวย มาซาโอะคุงไว้ผมยาวระต้นคอ โบจังก็ดูโตขึ้นมาก ไม่ใช่เด็กขี้โรคเหมือนแต่ก่อน

       

                  "ชินจังงง นายโตขึ้นแล้วหล่อมากเลยนะรู้มั้ย ถ้ารู้ว่าโตขึ้นจะหล่อขนาดนี้ รู้งี้ฉันจีบนายแต่แรกเลยดีกว่า" เนเน่จังพูดเป็นเชิงหยอก สาวน้อยไว้ผมทรงทวินเทลดูน่ารักและดูเด็กแม้จะอยู่ในวัยมหาลัยแล้วก็ตาม ชินจังยิ้มกว้างอย่างเขินๆ

       

                  "ฮะๆๆ เนเน่จังล่ะก็ พูดแบบนี้ฉันก็เขินหมดสิ"

       

                  "ไม่ๆ ฉันพูดจริงๆนะ ชินจังหล่อมากเลย ฉันน่าจะเป็นฝ่ายเขินมากกว่า" ว่าพลางทำท่าบิดไปมาแบบขวยเขิน คาซามะกระแอมขึ้นเบาๆ

       

                  "อะแฮ่มๆ เหอะๆ หมอนี่เนี่ยนะหล่อ สู้ฉันไม่ได้หร๊อก! ฉันน่ะหล่อกว่า รวยกว่า เรียนเก่งกว่าตั้งเยอะ เธอน่าจะชมฉันมากกว่านะ" พูดพลางยืดอกอย่างมั่นใจ เหมือนกับตอนเด็กเปี๊ยบ เนเน่จังหรี่มองทั้งคู่สลับกัน ก่อนจะหันไปถามมาซาโอะคุงกับโบจัง

       

                  "แล้วพวกนายว่าสองคนนี้ใครหล่อกว่ากันล่ะ?" มาซาโอะและโบมองอย่างพิจารณา แต่สุดท้ายก็ชี้ไปที่ชินจังอยู่ดี คาซามะเบะปากอย่างหงุดหงิด

       

                  "ฮึ่ย...พวกนายนี่นะ เฮอะ พวกนายมันตาไม่ถึงเองแหละ แต่เอาเถอะ คราวนี้ฉันยอมให้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจร้ายล่ะชินจัง" ร่างบางพยายามพูดกลบเกลื่อนตามนิสัยเดิม ชินจังผู้ไม่สนใจอะไรยักไหล่ก่อนจะนั่งดูเมนูอาหารต่อ เนเน่จังถามขึ้น

       

                  "ว่าแต่พวกนายเรียนมหาลัยโทไดเหรอ คณะอะไรล่ะ?" คาซามะได้ยินดังนั้น ต่อมขี้อวดกำเริบ ยืดอกพูดอย่างมั่นใจ

       

                  "ฉันเรียนแพทย์น่ะ แถมฉันยังสอบได้ที่ 1 ตลอดด้วยล่ะ"

       

                  "เหรอ แล้วชินจังล่ะ คณะไหน?" เนเน่จังไม่ได้สนใจที่คาซามะอวดโอ้เลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มผมน้ำเงินนั่งเซ็ง เหล่มองคนที่อยู่ข้างๆ

       

                  "ฉันเรียนสถาปัตย์น่ะ ก็ฉันชอบวาดรูปนี่นา"

       

                  "อ๋อ แล้วนี่พวกนายพักที่ไหนน่ะ ในหอเหรอ?" คาซามะรีบตอบทันที

       

                  "อะ...อ๋อ เรื่องนั้น ฉันพักในหออยู่คนเดียวน่ะ!" ชินจังหันขวับมองอย่างงงๆ

       

                  "เห พวกเราพักห้องเดียวกันไม่ใช่เหรอ?" ร่างบางชะงัก กลัวความแตก หันไปพูดกับชินจัง

       

                  "อะ...ชิน...ชินจัง! นายพูดอะไรของนายน่ะ ฮะๆๆ เราไม่ได้พักอยู่ด้วยกันสักหน่อยน่า ฮ่าๆๆ" เด็กหนุ่มผมน้ำเงินทำหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่อยากยอมรับว่าตนพักอยู่กับชินจัง แต่ชินจังไม่เล่นด้วย

       

                  "ไม่ได้พักอะไรกัน เมื่อวานฉันยังเอาขยะไปทิ้งอยู่เลย แล้วนายก็ทำแกงกระหรี่ แล้วเราก็นั่งกินแกงกระหรี่ด้วยกัน แล้วตอนนอนฉันก็..." คาซามะรีบขัดขึ้นก่อนที่ชินจังจะเผยไต๋ออกมามากกว่านี้

       

                  "เออๆ โอเค! ฉันยอมรับก็ได้ว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน พอใจรึยัง!?" ร่างบางกอดอกอย่างเซ็งจิต ไม่รู้หมอนี่มันบื้อรึตั้งใจกันแน่? แต่ว่า...สาวน้อยกลับหูผึ่ง ดวงตาเป็นประกาย

       

                  "ตอนนอนพวกนายทำไมเหรอ?" เนเน่จังยื่นหน้าเข้ามาหาชินจังอย่างสนใจ ชินจังกำลังจะตอบแต่คาซามะก็รีบขัดขึ้นเสียก่อน

       

                  "เอ่อ ตอนนอนไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น! ฮะๆๆ ชินจังนอนล่าง ฉันนอนบน ไม่มีอะไรจริงจริ๊งงงง" หารู้ไม่ว่ายิ่งปฏิเสธยิ่งมีพิรุธ เนเน่จังไม่ได้สนใจที่คาซามะพูดเลยแม้แต่น้อย ส่วนชินจังก็(แกล้ง)บื้อเล่าต่อไป

       

                  "เมื่อวานฉันบอกให้คาซาม่าคุงหรี่แอร์แต่เขาก็ไม่ยอมหรี่..."

       

                  "แล้วพวกเราก็นอน ไม่มีอะไรหลังจากนั้นจริงๆนะ ฮะๆๆ" คาซามะขัดขึ้นอีกครั้ง ชินจังนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น

       

                "พวกเราเลยนอนด้วยกัน"

       

                  "ม่ายยยยยยยย!!!!!!!!!!" คาซามะร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายโพล่งออกมาหมด ร่างบางแทบอยากจะร้องไห้และอยากจะบีบคอไอ้คนที่ปากโป้ง พูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมาได้ มาซาโอะคุงกับโบจังตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ส่วนเนเน่จัง...ตาเป็นประกายวิบวับ(?)

       

                  "แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นน่ะ!?" สาวน้อยถามต่ออย่างตื่นเต้น โดยไม่สนว่าคนเสียหายจะโวย

       

                  "เนเน่จังถามอะไรแบบนั้นน่ะ เป็นผู้หญิงแท้ๆเลยไม่ใช่เหรอไง พวกเราก็แค่นอนเท่านั้นแหละ คิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้นได้ไงเล่า!?" เนเน่จังตีหน้ายู่ กอดอก

       

                  "เป็นผู้หญิงแล้วไงเล่า ฉันก็เป็น 'สาววาย' คนนึงนี่นา เพราะงั้นการที่ฉันอยากรู้เรื่องพรรค์นี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอไง?" คาซามะช็อก

       

                  "หาาา!!?? เนเน่จังเป็นสาววายงั้นเหรออออ!!??" เนเน่จังกอดอกเชิดหน้าขึ้น ไม่สะทกสะท้าน

       

                  "ใช่ แล้วทำไม?" สาวน้อยยอมรับหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจเลยว่า มาซาโอะคุง คาซาม่าคุง โบจังกรามค้างกันไปหมดแล้ว คงเหลือแต่ชินโนะซึเกะคนเดียวที่ไม่มีสีหน้าแตกตื่นเหมือนคนอื่นๆ

       

                  "ม่ายยยย...เนเน่จังสาวน้อยไร้เดียงสาคนนั้นหายไปไหนนนน" คาซามะหน้าฟุบโต๊ะ โอดครวญอย่างรับไม่ได้ เนเน่จังเห็นดังนั้นก็เท้าเอว ชักสีหน้าไม่พอใจ

       

                  "ฉันเป็นสาววายแล้วทำไมล่ะ แล้วทีนายล่ะ ยังชอบผู้ชายด้วยกันเลย" ร่างบางชะงัก รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที

       

                  "หา? เธอว่าอะไรนะ ฉันจะไปชอบผู้ชายคนไหนได้เล่า!?"

       

                  "ก็ชินจังนี่ไง จะหมายถึงใครเล่า"

       

                  "จะบ้าเรอะไง ฉันจะไปชอบชินจังได้ไงเล่า ฉันก็เป็นแค่รูมเมทเขาเท่านั้นแหละ อย่าเที่ยวจับคู่ชาวบ้านตามใจชอบสิ!"

       

                  "ฉันไม่ได้พูดมั่วๆซะหน่อย รูมเมทที่ไหนเขานอนด้วยกันบ้างล่ะถ้าไม่ใช่เตียงเดี่ยวน่ะ"

       

                  "ก็เจ้านี่มันมาขอนอนด้วยเอง โทษฉันได้ไงเล่า!" ทั้งหมดชะงัก หันมองมาที่ชินจังเป็นตาเดียว

       

                  "ชินจัง...นายเป็นคนขอไปนอนกับคาซาม่าคุงเองงั้นเหรอ?" ชินจังเลิกคิ้ว มองอย่างงงๆ

       

                  "ก็ใช่ ก็หมอนี่ไม่ยอมหรี่แอร์ แถมไม่ยอมสลับที่กับฉันด้วย ฉันก็เลยไปนอนเบียดเขาจะได้อุ่นๆ ฉันทำอะไรผิดเหรอเนเน่จัง?" เนเน่จังได้ฟังก็หันขวับมามองที่คาซามะอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยอย่างตำหนิ

       

                  "คาซาม่าคุง นายนี่แย่มากเลยนะที่ไม่ยอมหรี่แอร์ให้ชินจังน่ะ ชินจังเขาหนาวนะรู้มั้ย ถ้าเกิดชินจังเป็นหวัดขึ้นมาทำไง นายมันใจจืดใจดำที่สุด!"

       

                  "อ้าว ไหงมาโทษฉันได้ล่ะเนี่ย ก็เตียงข้างบนมันสบายนี่นา จริงๆถ้าเอาเสื้อมาใส่ก็จบแล้วแต่หมอนี่ก็ไม่ยอมทำตามเอง เลยต้องมานอนเบียดกับฉัน เฮอะ...เห็นคนหล่อทีละปกป้องนักเชียว" ประโยคสุดท้ายคาซามะบ่นอุบอิบเบาๆแต่เนเน่จังได้ยิน เธอรีบล้อทันที

       

                  "ชินจัง เมื่อกี๊คาซาม่าคุงเขาชมว่านายหล่อด้วยแหละ วู้ๆๆ ในที่สุดคาซาม่าคุงก็ยอมรับซะทีสิน้าาา" คาซามะรู้ตัวร้องลั่น ปัดป่ายพัลวัน

       

                  "เฮ้ย มะ...ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้หมายความว่างั้นซะหน่อย"

       

                  "วู้ๆๆ แอบชอบชินจังก็ยอมรับมาเถอะคาซาม่าคุง ฉันจะคอยเอาใจช่วยเต็มที่เลยนะ วี้ดวิ้ววว" ใบหน้าของคาซามะแดงก่ำ เจ้าตัวยังคงเถียง

       

                  "จะบ้าเรอะไง ฉันไม่ได้ชอบเขาซะหน่อยนะ ก็เมื่อกี๊เธอบอกเองไม่ใช่เหรอไงว่าเขาหล่อน่ะ นี่!" มาซาโอะคุงกับโบจังปาดเหงื่อ ค่อยๆเอ่ยขัดขึ้นเบาๆ

       

                  "เอ่อ...พวกนาย พวกเรายังอยู่ตรงนี้นะ" ใบหน้าของมาซาโอะคุงแลดูไม่สู้ดีนักถึงบรรยากาศที่แลดูกร่อยๆจนทำตัวไม่ถูก ส่วนโบจังหน้านิ่งมาแต่ไหนแต่ไรก็หน้านิ่งเช่นนั้น เด็กหนุ่มร่างสูงดูดน้ำอย่างเงียบๆ ก่อนจะหันไปพูดกับมาซาโอะคุง

       

                  "มาซาโอะคุง เรารีบกินรีบไปเถอะ อยู่โลกสีม่วงนานๆแล้วจะเวียนหัว" มาซาโอะพยักหน้ารัวๆอย่างเห็นด้วย ส่วนคาซามะที่กำลังปะทะฝีปากกับเนเน่จังได้ยินก็รีบแย้งขึ้นทันที

       

                  "โลกสีม่วงอะไรกันน่ะ!? เนเน่จังคนเดียวตะหาก อย่าเอาฉันไปเหมารวมด้วยสิ เฮ้! กลับมานี่เลยนะ" โบจังกับมาซาโอะคุงเดินออกไปพร้อมๆกันโดยไม่สนเสียงโวยของคาซามะ โบจังหันมามอง เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

       

                  "พวกเรากะว่าจะไปซื้อของสักพัก พวกนายก็อยู่กันไปก่อนก็แล้วกัน เนเน่จัง..." สาวน้อยเหมือนรู้หน้าที่ รีบลุกขึ้นจากวงสนทนาของหนุ่มๆทั้งสองแล้วมาหาโบจังทันที

       

                  "ใช่ๆ คาซามะคุง นายอยู่เป็นเพื่อนชินจังกันไปก่อนนะ เดี๋ยวพวกเรากลับมา ฮิๆๆ"

       

                  "เฮ้ย พวกนาย!!" คาซามะจะเอ่ยแย้ง แต่ทุกคนก็เดินออกไปกันแล้ว ทิ้งไว้เพียง...ตัวเขาและชินจัง คาซามะไม่กล้าสบตากับชินจังตรงๆก็ทำทีมองโน่นนี่ไปเรื่อย ในขณะที่ชินจังเหล่มองคาซามะมาสักพักแล้ว

       

                  "เอ่อ...ชินจัง นายอยากจะสั่งอะไรมั้ย ฮ่ะๆๆ" คาซามะพยายามชวนคุยพลางยื่นเมนูให้ ชินจังยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

       

                  "คาซาม่าคุง..." เมื่อถูกเรียกชื่อ เด็กหนุ่มเรือนผมสีไพลินก็เงยหน้าสบมองอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ

       

                  "หืม?" ใบหน้าคมจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ดวงตาสีนิลนั้นฉายแววจริงจัง ริมฝีปากได้รูปขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยคำพูดสั้นๆ หากแต่สำหรับคาซามะแล้วมันช่างเป็นเสี้ยววินาทีที่แสนนาน ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะตายให้ได้เสียตรงนี้...

       

       

       

                "นายเคยจูบใครมาก่อนรึเปล่า?"

       

       

       

       

                  "ถะ...ถามทำไม!?" เด็กหนุ่มผู้ถูกถามใบหน้าขึ้นสีจัด ทั้งช็อกทั้งตกใจที่อีกฝ่ายถามคำถามเช่นนี้ออกมาหน้าตาเฉย

       

                  "ก็อยากรู้นี่ ไม่อยากรู้จะถามเหรอ"

       

                  "แล้วแกจะอยากรู้ไปทำไมเล่า เจ้าบ้า!!"

       

                  "เฮ้อ...ไม่เคยก็ยอมรับมาแบบลูกผู้ชายว่าไม่เคยสิ มาทำโวยวายกลบเกลื่อนเป็นสาวน้อยไปได้..." ชินจังแกล้งทำหน้าทำตาลอยๆเป็นเชิงกวนประสาทเล่น คาซามะไม่ยอมเสียฟอร์ม ทำทีขี้อวดตามนิสัยเดิมไปก่อน

       

                  "มะ...แหม มันก็ต้องเคยอยู่แล้วสิ หล่อๆอย่างฉันนะ ผู้หญิงคนไหนก็อยากจูบฉันทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆๆ"

       

                  "โกหก" คาซามะชะงัก หันมามองอีกคนอย่างเคืองๆ

       

                  "นายว่าอะไรน้า!?"

       

                  "แม่นายเล่าให้มิซาเอะ(แม่)ฟังว่านายเนี่ยนะ ยังไม่เคยมีแฟนสักกะที ไม่รู้นายเป็นพวกเบี่ยงเบนรึกามตายด้านรึเปล่า น่าเป็นห่วงจังเลย..." คาซามะปรี๊ดรอบสอง

       

                  "ว่ายังไงนะ!? ฉันไม่ใช่พวกกามตายด้านนะเฟ้ย!!!" แน่ล่ะว่าโดนกล่าวหาขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนก็คงยอมไม่ได้ ชินจังหัวเราะกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

       

                  "เอาน่า พวกผู้ใหญ่ก็ชอบเดาโน่นเดานี่ไปเรื่อยน่ะแหละ ฉันก็ยังไม่ได้เชื่อว่านายเป็นพวกกามตายด้านซะหน่อย" เด็กหนุ่มผมน้ำเงินเริ่มอ่อนลงแต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ว่าทำไมแม่ตัวเองเอาไปเม้าท์ซะเสียขนาดนั้น แต่หารู้ไม่ว่าชินจังยังพูดไม่จบ

       

                  "แต่...เรื่องเบี่ยงเบนน่ะ มันก็ไม่แน่หรอกนะ" ดวงตาสีน้ำเงินวาวโรจน์... เด็กหนุ่มร่างบางหันมองอีกฝ่ายอารามตกใจ แน่นอนว่าเขาต้องบอกปฏิเสธ หากแต่คำปฏิเสธนั้นก็ตะกุกตะกักเสียจนขาดความน่าเชื่อถือ

       

                  "คะ...ใครเบี่ยงเบนไม่ทราบ หา!? ฉันน่ะ ออกจะแมนเต็มร้อย ไม่ได้เป็นพวกแต๋วแตกซะหน่อย"

       

                  "ฉันก็ไม่ได้บอกว่านายเป็นแต๋ว แค่นายเป็นโฮโมต่างหากล่ะ"

       

                  "แล้วมันต่างกันตรงไหนฟะ!!?" คาซามะแหกปากอย่างหงุดหงิดในความกวนประสาทของชินจัง ดีที่ห้องคาราโอเกะเป็นห้องเก็บเสียง คนข้างนอกจึงไม่ได้ยินอะไร

       

                  "นายจะปฏิเสธว่านายไม่ได้ชอบฉันงั้นเหรอ?" ยิงลูกโด่งเข้าโกลเต็มๆ... คาซามะอึ้งไป น้ำเสียงของชินจังดูจริงจังกว่าทุกครั้ง ทั้งๆที่ปกติจะออกแนวกวนประสาทแท้ๆ วินาทีนั้นที่คาซามะรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ดวงตาคู่สวยจู่ๆก็ไม่กล้าสบตาอีกคู่ขึ้นมาดื้อๆ

       

                  "ฉัน..." เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มบางๆ เข้าใจว่าอีกฝ่ายลำบากใจที่จะยอมรับว่าตัวเองชอบเพศเดียวกัน แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกต่อไปแล้ว

       

                  "ฉันชอบนายนะ คาซาม่าคุง" ร่างสูงสารภาพออกมาหมดเปลือก ตรงเสียจนคนฟังช็อกไปหลายวินาที คาซามะเหวอ อ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก

       

                  "ยะ...อย่ามาล้อเล่นกันนะ! นาย...ชอบผู้หญิงไม่ใช่รึไง?"

       

                  "ใช่ ฉันชอบผู้หญิง ฉันไม่ได้เป็นโฮโม แต่สำหรับนายน่ะกรณีพิเศษ"

       

                  "บะ...บ้าเหรอไง!? อย่ามาตลกนะ" ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าหวานนั้นแดงไปถึงหูแล้วเรียบร้อย ชินจังยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งข้างๆอีกฝ่าย

       

                  "ก็ทำไงได้...ปกติฉันก็มองแต่ผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่กับนายแล้ว ฉันก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนอีกเลย" ร่างบางตกตะลึง ค่อยๆหันไปสบตาอีกฝ่าย ร่างสูงคลี่ยิ้ม แววตาจริงจัง

       

                  "ฉันจริงจังนะ คาซาม่าคุง ฉันอุตส่าห์ขยันเรียนเพื่อสอบเข้ามหาลัยนี้ให้ได้ เพื่อตามนายมาโดยเฉพาะ พอยิ่งได้อยู่กับนายทุกๆวัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าฉันคงขาดนายไปไม่ได้จริงๆ... และฉันก็มั่นใจว่าความรู้สึกของฉัน ได้ส่งผ่านไปถึงนายแล้ว" ร่างบางแววตาอ่อนลง รู้สึกหัวใจสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกเมื่อถูกสารภาพรักตรงๆเช่นนี้ เป็นครั้งแรก...

       

       

       

      เรานี่เหมือนสาวน้อยจริงๆเลยแฮะ...

       

       

       

                  "ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน..." ร่างบางเลี่ยงตอบแบบสาวซึนเดเระ ชินจังยิ้มกว้าง รู้ดีว่าจริงๆแล้วคาซามะยอมรับตนแล้ว แค่ยังไม่กล้าตอบรับตรงๆเท่านั้นเอง

       

                  "จริงๆนะ คาซาม่าคุง!!" ร่างบางไม่ยอมสบตา ทำเป็นปากเก่งไปงั้นเพื่อกลบเกลื่อนความอาย

       

                  "ฉันก็แค่ยังไม่อยากเชื่อคำพูดของจอมกะล่อนอย่างนายก็เท่านั้นแหละ อย่างน้อยๆนายก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ฉันเห็น...อุ อื้อออ" พูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายถือวิสาสะเข้ามาจูบเขาหน้าตาเฉย!! คาซามะตอนนี้ช็อกค้างไปแล้ว...

       

                  "อื้อๆๆ...อึก...จะ...จูบทำไมเล่าไอ้บ้า!!" พอได้เป็นอิสระก็รีบยกมือขึ้นป้องปากทันที คาซามะในตอนนี้สีหน้าตกใจมากแต่แก้มก็ยังแดงอยู่ ร่างสูงที่เนียนจูบ(?)ทำกวนโดยการเลียปากตนเอง

       

                  "ก็ฉันจะได้เป็นจูบแรกของนายไง เป็นเกียรติดีออก" ใบหน้าหวานนั้นยิ่งแดงหนักขึ้นไปใหญ่ เด็กหนุ่มผมน้ำเงินโวยลั่น

       

                  "ไอบ้า!! ไม่เห็นจะน่าดีใจเลยสักนิดที่จูบแรกเป็นกับผู้ชายน่ะ!! โธ่...หมดกัน เฟิร์สคิสฉันนนนน" คาซามะโอดครวญ ส่วนชินจังไม่สนใจ มาถึงขั้นนี้แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะหยุดดื้อๆล่ะ

       

                  "ไม่ใช่แค่จูบแรกเท่านั้น จูบที่สอง และจูบครั้งต่อๆไปก็จะเป็นฉัน" ปากว่าปากถึง(?) ราวกับผีหื่นกามเข้าสิง(?) เด็กหนุ่มร่างสูงเข้าจู่โจมทันที มือทั้งสองตรงเข้ายึดไหล่บางแล้วกดลงบนโซฟา ก่อนจะโน้มลงประกบจูบอย่างดูดดื่มทันที

       

                  "ไม่...อะ...อื้อ!" มือเล็กคอยดึงเสื้อประท้วงเป็นการขัดขืน แต่ไม่นานนักมือที่เคยทุบตีก็เริ่มหมดเรี่ยวแรง เปลี่ยนเป็นขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายซะงั้น ดูเหมือนว่า...ตัวเขาเองพ่ายแพ้ให้กับชินจังอย่างราบคาบแล้ว

       

       

       

      เขาไม่ได้รังเกียจจูบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามมันวาบหวามและรู้สึกดีอย่างประหลาด คาซามะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ปล่อยตัวและหัวใจให้เป็นไปอย่างที่ตนต้องการ ไม่คิดขัดขืนแต่อย่างใด

       

       

       

      ในขณะเดียวกัน...มาซาโอะ โบ และเนเน่ซื้อขนมเล็กๆน้อยๆมาจากร้านสะดวกซื้อและกำลังเดินเข้ามายังคาราโอเกะ

       

                  "แอบๆหน่อย เดี๋ยวเขาก็ว่าหรอกที่เราเอาของมากินในร้านเขา" เนเน่ดุมาซาโอะเบาๆ มาซาโอะทำหน้าจ๋อยก่อนจะพยายามแอบๆถุงขนมแล้วเดินเข้ามาข้างในได้สำเร็จ พอเดินมาถึงห้องคาราโอเกะ โบกำลังจะเปิดประตูเข้าไปแต่แล้วเนเน่ก็เข้ามาห้ามเสียก่อน

       

                  "โบจัง อย่าเพิ่ง ฉันเอง" เด็กหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเงียบๆก่อนจะผละออกมาให้เด็กสาวเป็นฝ่ายทำเอง เนเน่ค่อยๆบิดลูกบิดก่อนจะแง้มๆเข้าไปดู ดวงตาคู่สวยนั้นก็เบิกกว้าง...

       

                  "มีอะไรเหรอเนเน่จัง?" มาซาโอะถาม เด็กสาวค่อยๆหันมาพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจางๆ

       

                  "นั่นไง...ฉันพูดไว้แล้วไม่มีผิด ว่าสองคนนี้เขาเดทกันอยู่" โบและมาซาโอะชะโงกหน้าเข้าไปดู มาซาโอะตกใจถึงขั้นเหงื่อตกทีเดียว ส่วนโบแอบหัวเราะเบาๆ

       

                  "ไม่หรอก... ฉันว่าสองคนนี้เพิ่งจะเริ่มทำความรู้จักกันใหม่มากกว่า" เนเน่จังยิ้มอย่างฟิน(?) ในขณะที่มาซาโอะทำหน้าแหยๆ โบบอกกับทั้งสองคน

       

                  "เราไปหาอะไรทำฆ่าเวลากันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปขัดบรรยากาศหวานๆของสองคนนี้เลย" มาซาโอะพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ ประมาณว่าจะทนไม่ไหวแล้ว เนเน่ค่อยๆปิดประตูเบาๆก่อนจะหันมาหาทั้งสองคน มองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนสาวน้อยจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์

       

                  "แล้ว...พวกนายสองคนไม่เอาแบบคู่นั้นบ้างเหรอจ๊ะ?" มาซาโอะคุงสะดุ้งตัวโยน รีบยกมือขึ้นปฏิเสธทันที

       

                  "มะ...ไม่ดีม้างเนเน่จัง แบบนั้นมัน...ออกจะน่ากลัวเกินไปหน่อยนะ" เนเน่จังหัวเราะเพราะจริงๆแล้วเธอแค่แหย่เล่น ส่วนโบส่ายหน้าให้กับความแสบของเพื่อนสาวของตน

       

                  "ฉันอยากไปกินไอติม พวกนายว่าไงบ้าง?"

       

                  "เอาสิ ฉันก็อยากกินเหมือนกัน" มาซาโอะคุงเปลี่ยนอารมณ์ทันที

       

                  "ฉันรู้จักอยู่ร้านนึง อร่อยมาก อยู่แถวๆร้านขนมปังน่ะ" โบเสนอ ทุกคนเห็นด้วย

       

                  "โอเค งั้นไปกัน!!" และแล้ว...เพื่อนวัยเด็กทั้งสามคนก็พากันออกไปตามหาร้านไอติม คงเหลือแต่เพื่อนวัยเด็กสองคนในนั้น...

       

       

       

       

       

       

      พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว

       

       

       

       

      เพราะนับจากนี้ไป ความสัมพันธ์ของพวกเราจะอยู่ในรูปแบบของ "คู่รัก" แทนแล้วล่ะ!

       

       

       

       

       

       

       

      แถมท้าย...

       

       

       

      เมื่อทางบ้านชินจังรู้เรื่องของชินจังและคาซามะ

       

       

       

       

                  "อะไรนะ! พี่คบกับพี่คาซามะเหรอ!?" โนะฮาร่า ฮิมาวาริในชุดนักเรียนมัธยมต้นร้องลั่นด้วยความตกใจ

       

                  "ชินจัง!! นี่ลูกเป็นโฮโมงั้นเหรอ!?" โนะฮาร่า ฮิโรชิ พ่อบังเกิดเกล้าของชินจังและฮิมาวาริก็อึ้งและช็อกไปตามๆกัน ชินจังได้แต่นั่งคุกเข่าก้มหน้าเงียบๆอยู่อย่างนั้น

       

                  "หนอย...ไอ้ลูกไม่รักดี อุตส่าห์มีลูกชายเพื่อให้ได้สืบตระกูล แต่ลูกกลับกลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ แบบนี้มันต้อง..." ฮิโรชิถลกแขนเสื้อเตรียมลงไม้ลงมือกับชินจัง ฮิมาวาริรีบกอดพ่อไว้

       

                  "ไม่เอานะคะ พ่อ อย่าทำอะไรพี่เลยค่ะ พี่คงไม่ได้ตั้งใจ" ผู้เป็นพ่อหันขวับมาหาลูกสาว พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

       

                  "ไม่ตั้งใจบ้าอะไร ได้ยินว่าชินจังเล็งคาซาม่าคุงมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว แถมยังจงใจสอบเข้ามหาลัยเดียวกันอีก แบบนี้มันต้องเอาให้ตาย!!"  ชินจังหลับตาปี๋อย่างกลัวๆ ในขณะที่กำลังชุลมุนนั้น โนะฮาร่า มิซาเอะ แม่บังเกิดเกล้าก็เดินเท้าเอวเข้ามา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอันดัง

       

                  "นี่ เอะอะโวยวายอะไรกัน ดังไปถึงปากซอยแล้วเนี่ย!!" ฮิโรชิหันเหความสนใจมาที่มิซาเอะทันที รีบฟ้อง(?)

       

                  "แม่มาก็ดีแล้ว ก็ไอ้ลูกชายไม่รักดีนี่สิ ดันคบผู้ชาย แถมยังเป็นคาซามะ โทโอรุเพื่อนสมัยเด็กอีกต่างหาก พ่อก็เลยกะว่าจะลงโทษมันซะให้เข็ด" หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วมองสามี สีหน้าเฉยชา

       

                  "แล้วไง?" ชายวัยกลางคนชะงัก สงสัย

       

                  "นี่แม่ไม่โกรธไม่คิดจะว่ามันอะไรเลยเหรอ มันเป็นโฮโมนะ มันวิปริตผิดเพศ แม่ไม่คิดจะลงโทษมันหน่อยเหรอ!?" มิซาเอะเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร ถอดรองเท้าเดินดุ่มๆเข้ามาในบ้าน แล้ววางของที่เพิ่งซื้อมาลงกับโต๊ะ ฮิโรชิงงมากถึงมากที่สุด เดินตามเข้ามาด้วย

       

                  "นี่แม่จ๋า..."

       

                "ฉันรู้ตั้งนานแล้วล่ะ"

       

                  "หา???" เอ่ยพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งคนพ่อ คนลูก ไม่เว้นแม้แต่ชินจังเอง มิซาเอะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร แถมยังเก็บของเข้าตู้ได้หน้าตาเฉย

       

                  "ก็ตั้งแต่เจ้าชินจังมันร่ำร้องจะเข้าโทไดให้ได้ แถมยังบ้าขยันอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง ไหนจะตอนหลับคาหนังสือยังละเมออยู่เลยว่า ต้องเข้าโทไดให้ได้ สู้เพื่อคาซาม่าคุงนั่นอีก ฉันทำใจแต่เนิ่นๆแล้วล่ะว่าลูกเราคงไม่ได้พาสะใภ้ที่เป็นผู้หญิงเข้าบ้านแน่ๆ" ฮิโรชิอยากจะร้องไห้เป็นสายเลือดยิ่งนัก

       

                  "ตะ...แต่ว่าแม่จ๋า นั่นลูกชายของเราทั้งคนเลยนะ" มิซาเอะยักไหล่

       

                  "ก็ทำไงได้ ในเมื่อเด็กมันรักของมัน เราจะไปห้ามอะไรได้ล่ะ โฮโมแล้วไงล่ะ คนสมัยนี้โฮโมมันก็เป็นเรื่องปกติจะตายไป นิยายเกย์ นิตยสารเกย์ก็วางขายเกลื่อนกลาดทั่วไป มันแปลกตรงไหน" ชายสูงวัยทรุดลง ร้องไห้พรากๆ

       

                  "ฮือ...แล้วทำไมต้องเป็นลูกของเรา ทำไมๆๆ" ฮิมาวาริไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ยืนตบไหล่ผู้เป็นบิดาเป็นเชิงปลอบใจ มิซาเอะไม่ได้สนใจ หญิงผู้เป็นแม่เดินเข้ามาหาชินจังที่ยังคงคุกเข่าอยู่ มองแบบเหล่ๆครู่หนึ่งแล้วก็เดินไปเก็บของต่อ

       

                  "อีกอย่าง ฉันว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย..." คราวนี้ทุกคนตั้งใจฟัง หญิงวัยกลางคนหันมายิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยต่อไป สายตามองไปที่ชินจัง

       

                  "ก็ตั้งแต่มีคาซาม่าคุง ชินจังก็เลิกนิสัยเจ้าชู้หลีสาวไปเลยนี่นา..." ฮิโรชิ ฮิมาวาริ แม้แต่ชินจังเองยังอึ้งไป ทั้งพ่อและน้องสาวหันมามองชินจังเป็นตาเดียว แม้แต่ตัวชินจังเองก็ไม่ได้สังเกตความจริงข้อนี้เลยด้วยซ้ำ...

       

      ฮิโรชิทำหน้าเศร้า พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

       

                  "แต่พ่อว่า...เจ้าชู้หลีสาวมันก็ยังดีกว่าคบผู้ชายด้วยกันอีกนะเนี่ย..."

       

       

       

       

      โป๊ก!!

       

       

       

      หมัดลุ่นๆกระแทกลงบนศีรษะชายผู้เป็นพ่ออย่างจัง และเจ้าของหมัดนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...ภรรยาของเขานั่นเอง

       

       

                  "ก็ลองดูสิ! เดี๋ยวฉันจะจับเจี๋ยนให้ไปหลีใครไม่ได้อีกเลยคอยดู!!" มิซาเอะเขกหัวฮิโรชิด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินกลับไปที่ครัวต่อ ฮิโรชิลูบหัวป้อยๆก่อนจะตามไปง้อเมีย(?)

       

                  "อะ...โอ๋ๆ แม่จ๋า พ่อแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าโกรธเลยนะ..." เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองไปแล้ว ก็เหลือเพียงเด็กสาวและเด็กหนุ่มพี่น้อง ฮิมาวาริเดินเข้ามาหาพี่ชายก่อนจะเข้ามาดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

       

                  "เลิกทำหน้าสำนึกผิดได้แล้วน่า"

       

                  "ฮิมาวาริ...เธอไม่โกรธฉันเหรอ?" สาวน้อยเลิกคิ้ว

       

                  "โกรธทำไมล่ะ? สำหรับฉันน่ะ พี่จะคบใคร ขอแค่เขาเป็นคนดี และไม่ทำให้พี่เสียคนก็พอแล้วล่ะ คบกับผู้ชายดีๆ ดีกว่าคบผู้หญิงแย่ๆตั้งเยอะเนอะ" เด็กหนุ่มยิ้มอย่างขอบคุณ

       

                  "ขอบใจนะฮิมาวาริที่เข้าใจฉัน" ฮิมาวาริยิ้มหวานตอบ

       

                  "เออ เจ้าขาวแก่ลงตั้งเยอะเลยแน่ะ พี่ไปเยี่ยมมันหน่อยป้ะ มันคงคิดถึงพี่แย่เลย" ชินจังพยักหน้า ก่อนน้องสาวจะพาพี่ชายไปหาหมาที่เลี้ยงมาเป็นสิบกว่าปี ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมที่เขาจะได้หยุดอยู่บ้านยาว เด็กหนุ่มโล่งใจที่ทุกอย่างดูท่าจะไปได้ด้วยดี

       

       

       

       

       

       

       

                  [ราตรีสวัสดิ์นะ]

       

                  "ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดีนะ แล้วก็...รักนะ คาซาม่าคุง"

       

                  [อื้ม...ฉันก็รักนายนะ ชินจัง]

       

       

       

      พูดจบก็วางสายไป ชินจังยกหูออกมามองหน้าจอแล้วก็ยิ้มก่อนจะวางมือถือลงเหนือหัว เด็กหนุ่มดึงผ้าห่มขึ้นเพื่อเตรียมเข้านอน มิซาเอะ ฮิโรชิและฮิมาวาริหลับไปแล้ว ชินจังค่อยๆเอนตัวลงกับที่นอน นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้มานอนด้วยกันอย่างนี้...

       

       

       

      พูดแล้วก็นึกถึงตอนที่เขาขอไปนอนกับคาซามะ

       

       

       

      ความรักมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

       

       

       

      ตัวเขาก็คบหาดูใจกับผู้หญิงมานับต่อนับ แต่ก็ไม่มีใครที่เขาจะรักจริงสักคน

       

       

       

      คาซามะเป็นคนหยุดหัวใจเขาไว้ได้

       

       

       

      เมื่อเรารู้ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อใครแล้ว เราก็จะมีกำลังใจที่จะดำรงชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความหวัง

       

       

       

      ถ้าเราล้มเราก็จะลุกขึ้นพร้อมๆกัน แล้วจะก้าวไปด้วยกัน

       

       

       

      เราจะจับมือกันไว้แนบแน่นโดยไม่มีวันปล่อย เพราะหากใครคนหนึ่งล้ม อีกคนก็พร้อมจะฉุดขึ้นมาได้เสมอ

       

       

       

      ความรักเปลี่ยนโลกของคนๆหนึ่งทั้งใบ

       

       

       

      ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ยังคงเลือกที่จะรักนาย

       

       

       

       

      ก็ในเมื่อ...

       

       

       

       

       

       

       

      ฉัน...ก็เกิดมาเพื่อรักนายอยู่แล้วนี่

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      END





      แลดูเร็ว...แหม ก็ One Shot นี่คะ ตอนเดียวจบ เพราะงั้นรักๆกันไปก็ดีแล้วล่ะค่า...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×